|
|
|
ผู้ก่อตั้งบริษัท
คุณ อุดม โอวุฒิธรรม
|
ประธานกรรมการบริหาร
คุณ สมนึก โอวุฒิธรรม |
ผู้อำนวยการ
คุณ รัฐวิไล รังษีสิงห์พิพัฒน์ |
|
บริษัท ลี้ กิจเจริญแสง จำกัด ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2511 ในนามของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ลี้ กิจเจริญแสง ผู้บริหารในเบื้องต้นคือ |
คุณ อุดม โอวุฒิธรรม และ คุณสุภางค์ โอวุฒิธรรม |
|
กิจการในช่วงแรก LKS เริ่มต้นจากการซื้อเครื่องจักรจากประเทศญี่ปุ่นร่วมกับการร่วมมือทางด้านเทคนิคในการผลิต ดังนั้น หลอดไส้ |
ที่ผลิตในตอนแรกจึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายใต้ชื่อของห้างหุ้นส่วนจำกัด LKS และจัดจำหน่ายในประเทศไทย |
|
ในภายหลังเมื่อสินค้าของ LKS ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาดในประเทศไทย รวมทั้งมีความต้องการในสินค้าเพิ่มขึ้น จึงได้ |
ตัดสินใจสั่งซื้อเครื่องจักรเพิ่ม ซึ่งในครั้งนี้ซื้อจากประเทศไต้หวันพร้อมทั้งความร่วมมือทางด้านเทคนิคในการผลิตหลอดไส้นี่เองที่ทำให้ |
LKS สามารถปรับปรุงพัฒนาสินค้าทั้งทางด้านปริมาณการผลิตและคุณภาพได้มากกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต |
|
ในปี 2516 บริษัทได้เริ่มมีการผลิตหลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดตรง โดยร่วมมือกับบริษัท Tungsram จากประเทศฮังการีด้วยความร่วม |
มือเป็นอย่างดีจาก Tungsram จึงสามารถส่งพนักงานไปดูงานที่ประเทศฮังการีเพื่อศึกษากระบวนการผลิตและเทคโนโลยีหลายอย่างใน |
การผลิตหลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดตรงนอกจากนี้ทาง Tungsram ยังส่งช่างเทคนิคที่เชี่ยวชาญในกระบวนการผลิตมาประจำอยู่ที่ LKS |
เพื่อคอยให้คำแนะนำพนักงานของ LKS และช่วยให้ LKS มีประสบการณ์ และความรู้เกี่ยวกับหลอดฟลูออเรสเซนต์มากขึ้นด้วย ทั้งนี้รวม
|
ถึงการพัฒนาระบบการควบคุมคุณภาพสินค้าให้ถึงระดับมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในนานาประเทศ |
|
ต่อมา LKS ได้ขยายสายการผลิตหลอดตรงฟลูออเรสเซนต์จากเพียง 1 สายการผลิตเป็น 2 สายเพื่อรองรับกับปริมาณความต้องการ |
ที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ในปี 2518 LKS มีนโยบายที่เพิ่มสายการผลิตสินค้าใหม่คือ Glow Starter เพื่อรองรับความต้องการของ
|
ตลาด LKS ก็ได้เพิ่มสายการผลิต Glow Starter อีก 1 สายเนื่องจากปริมาณความต้องการของตลาด |
|
จากการที่ LKSถือเป็นพันธกิจที่จะพัฒนาคุณภาพการผลิตหลอดฟลูออเรสเซนต์อย่างสม่ำเสมอ ในปี 2521ทางLKSจึงสามารถผลิต |
หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบกลมได้เป็นครั้งแรกด้วยความร่วมมือ และการให้คำแนะนำทางเทคนิคที่ดีจากทางไต้หวัน ด้วยความพยายาม |
อย่างต่อเนื่อง LKS สามารถขยายสายการผลิตเพิ่มขึ้นได้อีกเป็น 3 สายในเวลาต่อมา ในปี 2526 LKS มีกำหนดนโยบายขยายตลาดทั้ง |
ในประเทศและต่างประเทศโดยใช้แบรนด์ DAI-ICHAI |
|
ปี 2527 LKS เริ่มความร่วมมือทางด้านเทคนิคกับบริษัท Hitachi ของประเทศญี่ปุ่น โดยการเซ็นสัญญาว่าด้วยความร่วมมือทางด้าน |
เทคนิคสำหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์ หลังจากการสำรวจ เก็บข้อมูลเรื่องการผลิต ทำวิจัยเกี่ยวกับปัญหาในกระบวนการผลิตทุกๆขั้นตอน |
ทำการวิเคราะห์เพื่อพัฒนาวิธีการผลิตโดยที่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการผลิตจากบริษัท Hitachi ประเทศญี่ปุ่นคอยให้การสนับสนุน |
ในที่สุดทาง LKS สามารถผลิตหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่ได้มาตรฐานสากล และได้รับความไว้วางใจจากทาง Hitachi ประเทศญี่ปุ่นให้ใช้ แบรนด์อันโด่งดังของ HITACHAI ได้ในภายหลัง |
|
โรงงานของ LKS ก็ได้รับการรองรับมาตรฐาน ISO 9002 : 2000 จาก SGS เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2542 นอกจากนี้ LKS เรายังพัฒนา |
ระบบการบริหารจัดการรวมทั้งระบบการผลิตตลอดมาจนกระทั่งได้รับการรับรองคุณภาพระบบการบริหารตามมาตรฐานสากลมากมาย |
|
|
|